นายธนาวุฒิ เหล่าเจริญพาณิชย์ นายกองค์การนิสิต เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยองค์การนิสิต ร่วมกับ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดมหาสารคาม สังกัดกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา จัดงาน "ประเพณีมังคลาประทีปล่องนทีคืนเพ็ญ ประจำปี 2553" ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2553 ณ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (เขตพื้นที่ขามเรียง) ณ บริเวณสระน้ำคณะพยาบาลศาสตร์ ซึ่งมีแนวคิดประจำปีว่า "วิจิตรอลังการมอน้ำชี นำวิถีพุทธบูชามั่นยืน เบิ่งพื้นภูมิพุทธศิลป์อีสาน สืบตำนานมังคลาประทีป" เพื่อเป็นการอนุรักษ์ประเพณีลอยกระทง นำมรดกวัฒนธรรมอีสานมาบูรณาการกับประเพณีสำคัญของชาติ โดยมีกิจกรรมก่อนวันจริงที่จะจัดกันขึ้นทั่วประเทศ เพื่อโอกาสให้นิสิตได้มีเวลาเดินทางกลับไปร่วมงานลอยกระทงกับครอบครัวในวัน ที่ 21 พฤศจิกายน 2553 ที่ภูมิลำเนาของตนเองได้อย่างสะดวก ยืนยันพร้อมจับมือ 18 สโมสรนิสิต กลุ่มนิสิต และชมรมในสังกัด ร่วมกันประกาศให้การจัดงานครั้งนี้เป็นปีแห่งวัฒนธรรมสัมพันธ์เพื่อการพัฒนา นิสิต : จากคุณค่าสู่การเรียนรู้อย่างยั่นยืนโดยมุ่งหวังพัฒนานิสิตสู่สังคมอุดม ศึกษาน่าอยู่น่าเรียน ด้วยกลยุทธ์พิเศษ 3 ว ได้แก่- วิชาการเยี่ยม (องค์ความรู้และทักษะกระบวนการจัดงาน)
- วัฒนธรรมเด่น (ประกวดกระทงใหญ่ ประกวดขบวนแห่วิถีพุทธบูชา ประกวดธิดาสร้อยดอกหมาก)
- วีรกรรมสร้างสรรค์ (ปลอดเหล้า ส่งเสริมกระทงธรรมชาติ เน้นสร้างสรรค์ตัวอย่างสังคมน่าอยู่ นำเงินรายได้จากการจำหน่วยกระทงช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย)
มหาวิทยาลัย มหาสารคาม เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่เติบโตแบบก้าวกระโดด มีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว ทันต่อกระแสการยกระดับคุณภาพอุดมศึกษาไทย ฉะนั้นงานลอยกระทงของสถาบันนี้ จึงเปรียบเสมือนหนังสือเล่มใหญ่ที่จะให้ความรู้เกี่ยวกับวิถีสังคมอุดม ศึกษา ที่ประชาชนทั่วไปเรียกนิสิตที่นี่ว่า "ชาวมหาวิทยาลัยมหาสารคาม" ซึ่งนิยมเอ่ยนามแทนตัวเองเป็นการภายในว่า "ชาวมอน้ำชี" ฉะนั้นสีสันงานลอยกระทงที่จัดขึ้นทุกปีด้วยฝีมือนิสิต จึงถูกหล่อหลอมเป็นอัตลักษณ์ประจำสถาบันการศึกษานี้ และสะท้อนถึงคุณภาพนิสิตที่ต้องผ่านการบ่มเพาะให้เป็นบัณฑิตผู้มีปัญญา พึงเป็นอยู่เพื่อมหาชน อย่างแท้จริง นายธนาวุฒิ กล่าว.
หมาย เหตุ : เปลี่ยนสถานที่จัดงานวันลอยกระทง ซึ่งจากเดิมเป็นสถานที่ ณ บริเวณสระน้ำพิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เปลี่ยนมาเป็นสถานที่ใหม่ ณ บริเวณสระน้ำคณะพยาบาลศาสตร์ เพื่อความสะดวกแก่ทุกท่านที่มาในงานลอยกระทงครั้งนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น